สถานกงสุลใหญ่อินเดีย จังหวัดเชียงใหม่ ครบรอบ50 ปีสถานกงสุลใหญ่อินเดีย จังหวัดเชียงใหม่

0

สถานกงสุลใหญ่อินเดีย จังหวัดเชียงใหม่ ได้เริ่มเปิดทำการ ณ จังหวัดเชียงใหม่เมื่อเดือนตุลาคม ค.ศ. 1972(พ.ศ. 2515) ซึ่งถือโอกาสของวาระการครบรอบ 50 ปีสถานกงสุลใหญ่อินเดีย จังหวัดเชียงใหม่ และในขณะเดียวกันก็เป็นวาระที่ครบรอบ 75 ปีวันเอกราชของประเทศอินเดีย ฉะนั้นจึงมีการจัดเฉลิมฉลองภายใต้ชื่อว่า “Azadi Ka Amrit Mahotsav”

 โดยมีความก้าวหน้าที่ประสบความสำเร็จของประเทศอินเดียตลอดระยะเวลา 75 ปีที่ผ่านมา ได้เป็นที่ประจักษ์ตามข้อมูลในตารางท้ายนี้ ซึ่งค่าเฉลี่ยการเติบโตของ GDP รายปี และผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศต่อหัว อยู่ที่ 0.9% และ 0.1% ตลอดระยะเวลา 5 ทศวรรษก่อนการประกาศอิสรภาพ ภายหลังค่าเฉลี่ยดังกล่าวได้เพิ่มขึ้นเป็น 4.32% และ 2.24% ตามลำดับในห้วงระยะเวลา 50 ปี และขยับไปอยู่ที่ 7.6% และ 6% ในช่วง 10ปีแรกของศตวรรษนี้

ซึ่งความเจริญก้าวหน้าทางเศรษฐกิจอันรวดเร็วนี้ได้สะท้อนให้เห็นถึง การพัฒนาปรับปรุงคุณภาพชีวิตของประชากรให้ดีขึ้นอย่างเป็นที่น่าสังเกต โดยจะเห็นได้ว่า อายุคาดเฉลี่ยได้เพิ่มขึ้นจาก 32.1ปีในช่วง ค.ศ. 1950-51(พ.ศ.2493-2494) เป็น 69.7 ปี ในช่วง ค.ศ.2020-21(พ.ศ.2563-2564) อัตราการเสียชีวิตของทารกลดลงจาก 180% เหลือเพียง 29% อัตราการเสียชีวิตลดลงจาก 43.7% เป็น 7.3% และในขณะที่อัตราการรู้หนังสือของประชากรเพิ่มขึ้นจาก 18.43% เป็น74.37%

อีกทั้งทางสังคมและเศรษฐกิจยังสะท้อนถึง ความสำเร็จอันยอดเยี่ยมทางด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี นอกเหนือจากการเป็นศูนย์กลางทางด้านเทคโนโลยีสารสนเทศของโลกแล้ว ประเทศอินเดียยังเป็นร้านเภสัชกรรมของโลก ทุบดินใหม่บนโลกแห่งเทคโนโลยี สรรสร้างองค์ความรู้สติปัญญา และแบ่งปันผลิตผลแห่งความสำเร็จสู่โลก

  บทพิสูจน์ล่าสุดของประเทศอินเดียคือ ควบคุมการเร่งให้วัคซีนป้องกันโรคไวรัสโคโรน่า 2019 (COVID-19) แก่ประชาชน ในสภาวะการระบาดอย่างหนักในประเทศ โดยใช้สรรพกำลังด้านวิทยาศาสตร์เพื่อประโยชน์แก่มนุษยชาติ ปัจจุบันประเทศอินเดียได้ฉีดวัคซีนให้กับประชากรเพิ่มมากขึ้นครอบคลุมทั้งสิ้น 1030ล้านคน โดยการรณรงค์ด้านวัคซีนที่ผลิตใช้ประเทศ 2 ชนิด โดยมีชนิดหนึ่งพัฒนาในประเทศอินเดีย นอกจากนี้ อินเดียยังพัฒนาวัคซีนจากดีเอ็นเอ DNA-ZyCoV-D และวัคซีนนาสิก หรือวัคซีนทางจมูกทีอยู่ในขั้นทดลองวิจัยอยู่ในขณะนี้

ถึงแม้ว่าในขณะที่ประเทศอินเดียจะต้องเผชิญหน้ากับงานที่หนักหนาสาหัสและวิกฤติด้านการให้วัคซีนแก่ประชากรจำนวนมหาศาลของประเทศนั้น อินเดียก็ได้จัดหาวัคซีนจำนวน 6 ล้านโดสให้แก่ 95 ประเทศเป็นปฏิบัติการกระจายวัคซีนสู่ทุกหมู่บ้าน และขณะนี้อินเดียก็ยังคงจัดหาวัคซีนให้กับประเทศที่เหลือในโลก เมื่อเริ่มมีการระบาดของโรคในระลอกแรก ประเทศอินเดียได้เคยจัดหาวัคซีนที่เกี่ยวเนื่องกับ COVID-19 รวมถึงเครื่องมือและอุปกรณ์ต่างๆให้แก่หลายๆประเทศมาแล้ว รวมถึงกลุ่มประเทศที่พัฒนาแล้ว

ซึ่งทางรัฐบาลอินเดียได้ยกระดับเป็นสถานกงสุลใหญ่อินเดีย จังหวัดเชียงใหม่ โดยตำแหน่งกงสุลอินเดีย จังหวัดเชียงใหม่ยกระดับเป็นระดับอุปทูต (Counsellor) และมีคำสั่งแต่งตั้งรองกงสุล (Vice Consul) ประจำสถานกงสุลอินเดีย จังหวัดเชียงใหม่ Mr. Ramji Ramaswamy ผู้ซึ่งจะมาปฏิบัติหน้าที่ดูแลด้านการพาณิชย์ วัฒนธรรมและการศึกษา ที่ซึ่งจะเป็นการกระชับความสัมพันธ์และร่วมมืออย่างแน่นแฟ้นกับทั้ง 17 จังหวัดภาคเหนือของประเทศไทย ซึงขณะนี้ได้เดินทางมายังประเทศไทยแล้วและจะเข้ารับตำแหน่งรองกงสุล หลังจากสิ้นสุดระยะเวลาการกักตัวตามระเบียบด้านสาธารณสุข

ส่วนหนึ่งของกิจกรรมการเฉลิมฉลอง Azadi Ka Amrit Mahotsav นั้น ในเดือนที่ผ่านมาสถานกงสุลใหญ่อินเดียได้จัดงานแลกเปลี่ยนนานาทัศนะ ในบรรยากาศไม่เป็นทางการ ทางด้านศิลปะ วัฒนธรรม และแนวความคิดภายใต้ชื่อว่า Chiang Mai Chaupal-เชียงใหม่ จอปาล

  นอกจากนี้ สถานกงสุลฯ ยังได้มอบรางวัลแก่นักเรียนและผู้ประสบความสำเร็จยอดเยี่ยม จากชมรมชาวอินเดียพำนักอาศัยในขอบเขตความรับผิดชอบของสถานกงสุลฯ ซึ่งรางวัลดังกล่าวนี้ให้ไว้เพื่อเชิดชูเกียรติแก่ นาย ลาล ซิงห์ ปานธี ผู้ซึ่งเป็นนักต่อสู้เพื่อการปลดแอกอีกหนึ่งท่าน นายลาล ซิงห์ ปานธีเคยอาศัยอยู่ ณ จังหวัดแพร่และเป็นบุคคลที่เข้าร่วมกับกองทัพแห่งชาติอินเดีย (INA) จากคำบอกเล่าประวัติครอบครัวของลูกหลานสายตรงท่าน แจ้งว่า ท่านคือรองประธานสาขาประเทศไทย ในกองทัพแห่งชาติอินเดียและยังทำหน้าที่เป็นผู้เขียนคำกล่าวประจำของท่าน เนตาจี สุบาส จันทรโบส Netaji Subhas Chandra Bose ผู้ซึ่งดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการทหารสูงสุดของกองทัพแห่งชาติอินเดียและผู้นำรัฐบาลประเทศอินเดียชั่วคราว ที่จัดตั้ง ณ ประเทศสิงคโปรในกาลครั้งนั้น ธุรกิจของครอบครัวท่าน ลาล ซิงห์ ปานธี ในจังหวัดแพร่นั้น เป็นที่รู้จักในนาม Universal ซึงมอบผลประกอบการกำไรครึ่งหนึ่งให้กับกองทัพอินเดียรวมถึงจัดหาเสบียงแก่กองทัพในขณะนั้น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *