นายกรัฐมนตรี แถลงผลปฏิบัติการปราบปรามยาเสพติดในพื้นที่ภาคเหนือ

IMG_8728

ตำรวจภูธรภาค 5 บูรณาการร่วมกับ ฝ่ายปกครอง ฝ่ายทหาร และ สำนักงาน ป.ป.ส. จับกุมยาบ้า 11 ล้านเม็ด ไอซ์  500 กก. พร้อมเดินหน้าปราบปรามเข้มข้นทุกพื้นที่

เมื่อวันที่ 20 พฤศจิกายน  2568 เวลา 11.00 น. นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นประธานการแถลงผลการปฏิบัติงานด้านการปราบปรามยาเสพติด โดยมี ฝ่ายตำรวจฝ่ายปกครอง ฝ่ายทหาร และ สำนักงาน ป.ป.ส. ร่วมแถลงข่าว ณ กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 ต.หนองหอย   อ.เมืองเชียงใหม่  จว.เชียงใหม่

นโยบายปราบปรามยาเสพติดเป็นวาระแห่งชาติของรัฐบาล นายกรัฐมนตรีได้กำชับให้  สำนักงานตำรวจแห่งชาติ สำนักงาน ป.ป.ส. และฝ่ายปกครอง รวมถึงฝ่ายทหาร  บูรณาการร่วมกันมาโดยตลอด การจับกุมตรวจยึด ยาเสพติดในครั้งนี้ได้รับการรายงานจาก ผบ.ตร. และ ผบช.ภ.5  ที่สามารถจับกุมยาเสพติดได้เป็นล็อตใหญ่ เป็นการสกัดกั้นในพื้นที่แนวชายแดน ซึ่งเป็นพื้นที่ต้นทาง ไม่ให้ยาเสพติดหลุดรอดกระจายไปในพื้นที่ตอนในของประเทศได้

“รัฐบาลโดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่าง ๆ ได้ประกาศเป็นศัตรูกับผู้ค้ายาเสพติดในทุกรูปแบบ และต้องการแสดงให้เห็นว่าผู้ฝักใฝ่หรือเกี่ยวข้องกับยาเสพติดต้องได้รับโทษรุนแรง ไม่ว่าจะเป็นผู้ค้า ผู้ครอบครอง หรือผู้ขนส่ง โทษเท่ากันหมด  รวมถึงเป็นผู้เสพหรือผู้ขาย ก็ต้องรับโทษ และยืนยันว่ารัฐบาลมีความตั้งใจที่จะขับเคลื่อนโยบายในการป้องกันและปราบปรามมีประสิทธิภาพสูงสุดในการที่จะปราบปรามยาเสพติดให้สิ้นซากไป ควบคู่มิติป้องกัน ปราบปราม และยึดทรัพย์ 

ระหว่างวันที่ 13 – 19 พ.ย. 2568 ตำรวจภูธรภาค 5  บูรณาการร่วมกับ ฝ่ายปกครอง ฝ่ายทหาร และ สำนักงาน ป.ป.ส. สกัดกั้นปราบปรามจับกุมยาเสพติดได้  3 คดี ยาบ้ารวมประมาณ 11 ล้านเม็ด ไอซ์ จำนวน 500 กก. และอายัดทรัพย์สินจากขบวนการค้ายาเสพติดได้หลายรายการ ซึ่งอยู่ระหว่างการขยายผลเพิ่มเติม โดยมีความเด็ดขาดในการสกัดกั้นเส้นทางลำเลียงยาเสพติดตั้งแต่ชายแดนจนถึงพื้นที่ชั้นในของประเทศ

คดีที่ 1  เมื่อวันที่ 13 พ.ย.2568 เวลาประมาณ 16.00 น. ตำรวจภูธรจังหวัดเชียงราย ได้รับแจ้งเบาะแสจากพลเมืองดีว่า พบเห็นรถยนต์กระบะ ยี่ห้อมาสด้า สีน้ำตาล บรรทุกไพหญ้าคาเต็มกระบะท้ายรถ จอดอยู่ข้างเมรุเผา ภายในฌาปนสถาน บ้านปงเคียน ต.ดงมหาวัน อ.เวียงเชียงรุ้ง จว.เชียงราย   โดยจอดอยู่เป็นเวลานานและไม่พบผู้ใดอยู่บริเวณดังกล่าว  น่าสงสัยว่าจะมีสิ่งของผิดกฎหมาย จึงได้จัดกำลังเฝ้าสังเกตการณ์โดยรอบเพื่อสืบสวนจับกุม  

จนกระทั่งต่อมาเมื่อวันที่ 14 พ.ย.2568 เวลา 06.30 น. ไม่พบว่ามีบุคคลใดมาแสดงตัวเป็นเจ้าของรถและอยู่บริเวณดังกล่าว จึงได้เข้าทำการตรวจสอบรถ พบยาบ้า  จำนวน 24  กระสอบ  รวมประมาณ 6 ล้านเม็ด  บรรทุกอยู่บริเวณในห้องโดยสารและบริเวณกระบะโดยมีไพหญ้าคาอำพรางปกคลุม จึงตรวจยึดไว้เป็นของกลาง เพื่อสืบสวนสอบสวนหาตัวผู้กระทำความผิดมาดำเนินคดีตามกฎหมาย 

คดีที่  2 เมื่อวันที่ 16 พ.ย.2568 ตำรวจภูธรภาค 5 ขยายผลการจับกุมคดียาเสพติดรายสำคัญ จำนวน 2 คดี  พบว่ากลุ่มผู้ต้องหา ใช้รถยนต์ลำเลียงยาเสพติดจากพื้นที่แนวชายแดนด้าน อ.เชียงแสน จว.เชียงราย ลักลอบลำเลียงเข้าสู่พื้นที่ตอนในของประเทศ  จึงบูรณาการร่วมกับตำรวจภูธรจังหวัดเชียงรายและพะเยา ฝ่ายปกครอง ฝ่ายทหาร และ สำนักงาน ป.ป.ส. สกัดจับกุมนายนำโชคฯ ผู้ต้องหาได้ 1 คน พร้อมรถยนต์  1 คัน ยาบ้า 17 กระสอบ รวมประมาณ 5 ล้านเม็ด  ในพื้นที่ ต.ห้วยลาน  อ.ดอกคำใต้ จว.พะเยา 

คดีที่ 3  ก่อนเกิดเหตุ กก.สส.ภ.จว.เชียงราย ได้รับแจ้งจากพลเมืองดีว่า ผู้ต้องหามีรถยนต์บรรทุก             มีพฤติการณ์หาฟางข้าวบรรทุกใส่รถเดินทางจากเชียงราย  ไปยัง จว.สุพรรณบุรี และเข้าสู่พื้นที่ตอนในของประเทศ บ่อยครั้ง  เชื่อว่าอาจจะอำพรางบรรทุกสิ่งของผิดกฎหมาย  จึงได้ทำการสืบสวนติดตาม

ต่อมาช่วงเข้าของวันที่ 19 พ.ย.2568 พบรถยนต์บรรทุกคันดังกล่าว เดินทางจาก อ.พาน ไปยัง อ.เชียงแสน จว.เชียงราย จึงได้เฝ้าติดตามจนกระทั่งเวลาสาย รถคันดังกล่าวได้ขับเข้ามาที่โกดังในพื้นที่ อ.พาน  จึงได้เฝ้าสังเกตการณ์ดูความเคลื่อนไหว

จนกระทั่งเวลาประมาณ 11.00 น.  พบผู้ต้องหา 2 คน คือนายนิติฐพนธ์   และ น.ส.วิมลวรรณ ฯ  กำลังเอาฟางข้าวขึ้นท้ายรถบรรทุกในลักษณะอำพราง  จึงเข้าทำการตรวจค้น  พบของกลาง  ไอซ์  จำนวน 20 กระสอบ รวมประมาณ 500 กก. บรรทุกอยู่กระบะท้ายรถ ผู้ต้องหารับว่า ไปลำเลียงยาเสพติดมาจากพื้นที่ อ.เชียงแสน จว.เชียงราย ในเช้ามืดจริง และกำลังจะขนลำเลียงไปส่งที่พื้นที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา โดยใช้ฟางข้าวปิดบังอำพราง ได้รับค่าจ้าง เป็นเงินจำนวน 1 ล้านบาท   จะได้รับค่าจ้างหลังจากนำยาเสพติดส่งปลายทางเรียบร้อยแล้ว           อยู่ระหว่างการสืบสวนขยายผล

รัฐบาลพร้อมสนับสนุนการทำงานของสำนักงานตำรวจแห่งชาติและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างเต็มที่ ทั้งด้านเทคโนโลยีและการสร้าง “กลไกเชิงระบบ” ที่เป็นแนวทางถาวรในการต่อสู้กับอาชญากรรมทุกรูปแบบ ทั้งนี้ขอให้เจ้าหน้าที่ทุกฝ่าย  ปฏิบัติภารกิจอย่างเต็มกำลังความสามารถ ประสบความสำเร็จลุล่วงด้วยดี และมีความปลอดภัยในการปฏิบัติงาน

ขอชื่นชมเจ้าหน้าที่ตำรวจและผู้เกี่ยวข้องทุกนาย ที่ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความมุ่งมั่น เสียสละ และทุ่มเทแรงกายแรงใจ ในการสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติดอย่างต่อเนื่อง จนสามารถจับกุมผู้กระทำผิดและยึดของกลางได้เป็นผลสำเร็จ การปฏิบัติหน้าที่ของทุกท่านถือเป็นแบบอย่างแห่งความรับผิดชอบต่อหน้าที่ และเป็นพลังสำคัญในการขับเคลื่อนนโยบายของรัฐบาลและสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อให้สังคมไทยปลอดภัยและปลอดยาเสพติด     อย่างยั่งยืน

รัฐบาล  สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ตำรวจภูธรภาค 5 และหน่วยงานของรัฐทุกภาคส่วน ขอเชิญชวนประชาชนทุกท่านร่วมเป็นส่วนหนึ่งในภารกิจสำคัญนี้ ร่วมกันปกป้องลูกหลานของเรา ให้ห่างไกลจากยาเสพติด  เพื่อสังคมปลอดภัยและอนาคตรุ่นใหม่ที่มั่นคง หากพบเห็นหรือมีเบาะแสเกี่ยวกับยาเสพติด สามารถแจ้งได้ทันทีผ่านช่องทาง สายด่วนยาเสพติด 191 และสถานีตำรวจในพื้นที่ใกล้บ้าน

เรื่องที่คุณอาจสนใจ